
ปัจจุบันมีกฎหมายกำหนดให้เจ้าของเรือโดยสารทุกลำต้องจัดให้มีการ ประกันภัยให้แก่ผู้โดยสาร เพื่อเป็นหลักประกันให้กับผู้โดยสารเรือว่า ในกรณีที่มีอุบัติเหตุใด ๆ เกิดขึ้นซึ่งส่งผลให้ผู้โดยสารเรือได้รับบาดเจ็บ จะมีผู้ที่รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้โดยสารเรืออย่างน้อยที่สุด จำนวนหนึ่งเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ทางการเงินของทั้งผู้ประสบภัยและเจ้าของเรือ
เรือสำหรับโดยสาร หมายถึง เรือประเภทใดบ้าง
เรือโดยสาร ที่เข้าลักษณะต้องทำประกันภัยนั้น หมายความถึง เรือที่ระบุประเภทการใช้ไว้ในใบอนุญาตใช้เรือให้เป็นเรือประเภทเรือโดยสาร หรือเรือประเภทอื่นที่อนุญาตให้ใช้บรรทุกผู้โดยสารได้ด้วย ทั้งนี้ เป็นการบรรทุกผู้โดยสารตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไป ไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าเรือโดยสารนั้นจะวิ่งในเส้นทางใด ทั้งในคลอง ในแม่น้ำ ระหว่างแม่น้ำและทะเล และในทะเลด้วย
เรือที่มีประกันภัยแล้ว หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ผู้โดยสารจะได้รับความคุ้มครองอย่างไร
ผู้โดยสารที่ประสบอุบัติเหตุเนื่องจากการใช้บริการเรือโดยสาร จะได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยผู้โดยสารเรือสำหรับโดยสาร สำหรับความเสียหายจากอุบัติเหตุจนถึงแก่ความตาย ทุพพลภาพหรือบาดเจ็บ โดยจำนวนเงินประกันภัยที่ได้รับความคุ้มครองมีดังต่อไปนี้
- เสียชีวิต คนละ 100,000 บาท
- สูญเสียตาหรือสายตาสองข้าง คนละ 100,000 บาท
- สูญเสียแขนหรือขา หรือสมรรถภาพในการใช้แขนหรือขาสองข้าง คนละ 100,000 บาท
- สูญเสียแขนหรือสมรรถภาพในการใช้แขนหนึ่งข้าง และสูญเสียขาหรือสมรรถภาพในการใช้ขาหนึ่งข้าง คนละ 100,000 บาท
- สูญเสียแขนหรือขา หรือสมรรถภาพในการใช้แขนหรือขาหนึ่งข้าง และสูญเสียตาหรือสายตาหนึ่งข้าง คนละ 100,000 บาท
- ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง คนละ 100,000 บาท (ไม่สามารถทำงานเลี้ยงชีพอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตลอดไป)
- สูญเสียตาหรือสายตาหนึ่งข้าง คนละ 60,000 บาท
- สูญเสียแขนหรือขา หรือสมรรถภาพในการใช้แขนหรือขาหนึ่งข้าง คนละ 60,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาล คนละไม่เกิน 15,000 บาท
กรมธรรม์นี้ให้ความคุ้มครองหลักเฉพาะต่อผู้โดยสาร แต่ผู้เอาประกันภัยสามารถขอขยายความคุ้มครองเพิ่ม ถึงคนประจำเรือได้ โดยการจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติม
เรือทุกลำจะใช้กรมธรรม์มาตรฐานเดียวกันแต่ทั้งนี้ผู้เอาประกันสามารถขอเพิ่มจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้มากจากภาคบังคับได้โดยการจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติม
แนวทางปฏิบัติในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
ในกรณีที่ผู้โดยสารประกันภัยจากเรือที่มีประกันภัยนั้น เจ้าของเรือผู้เอาประกันภัย จะต้องนำส่งหลักฐาน เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุและเอกสารเกี่ยวกับผู้โดยสารที่ประสบภัยโดยในกรณีที่มีการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ต้องส่งหลักฐานให้แก่บริษัทประกันภัยภายใน 30 วัน นับจากวันที่เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง และในกรณีบาดเจ็บ ต้องส่งหลักฐานภายใน 180 วัน นับจากวันเกิดอุบัติเหตุ
ในกรณีที่เรือโดยสารลำใดไม่มีการประกันภัย เจ้าของเรือจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้โดยสารเรือ
การกำหนดเบี้ยประกันภัยและประโยชน์ในการทำประกันภัย
เนื่องจากกฎกระทรวงคมนาคม ฉบับที่ 73 (พ.ศ. 2549) กำหนดให้เจ้าของเรือผู้ประกอบการเดินเรือสำหรับโดยสาร ต้องจัดให้มีการประกันภัยอุบัติเหตุที่มีผลคุ้มครองผู้โดยสาร ตามระยะเวลาที่กำหนดในใบอนุญาตใช้เรือ ดังนั้น เจ้าของเรือที่เข้าเกณฑ์ตามกฎกระทรวง ดังกล่าวจึง ต้องทำประกันภัย
สำหรับเบี้ยประกันภัยที่เจ้าของเรือจะต้องจ่ายนั้น สำหรับการทำประกันภัยผู้โดยสารเรือสำหรับโดยสารภาคบังคับ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ อาทิเช่น เส้นทางการเดินเรือ (ในคลอง หรือในแม่น้ำระหว่างแม่น้ำและทะเล หรือในทะเล) ขนาดและชนิดของเรือรวมทั้งจำนวนผู้โดยสารในเรือลำนั้น ๆ ทั้งนี้เบี้ยประกันภัยจะเป็นดังนี้
✅ จำนวนผู้โดยสาร 1-12 คน อัตราเบี้ยปรับอยู่ระหว่าง 50-80 บาทต่อผู้โดยสาร 1 คนต่อปี
✅ จำนวนผู้โดยสารตั้งแต่ 13 คนขึ้นไป อัตราเบี้ยปรับอยู่ระหว่าง 100-150 บาทต่อผู้โดยสาร 1 คนต่อปี
ดังนั้น หากเรือลำใดสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ครั้งละ 20 คน เบี้ยประกันภัยที่เจ้าของเรือลำนั้นจะต้องจ่ายคือ ประมาณ 2 – 3 พันบาทต่อปี
ประโยชน์ที่เจ้าของเรือจะได้รับคือ ในกรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น อันเป็นผลมาจากการกระทำของเจ้าของเรือหรือตัวแทน เจ้าของเรือจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้บาดเจ็บทั้งหลาย หากเจ้าของเรือได้มีการทำประกันภัยไว้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของเรือในการบรรเทาความเดือนร้อน ทางด้านการเงินที่จะต้องจ่ายชดเชยให้แก่ผู้ประสบภัย
#การประกันภัยผู้โดยสารเรือ #เรือสำหรับโดยสาร #การประกันภัยเรือ #การชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้โดยสารเรือ #เจ้าของเรือ #เบี้ยประกันภัยเรือ #ค่าสินไหมทดแทน #ผู้ประสบภัย #เจ้าของเรือโดยสาร #Prakan4U